ทริปนี้เป็นทริปเริ่มต้นสำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง และเป็นครั้งแรกของผมที่ขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ ไม่ใช้บริการทัวร์น่ะครับ เนื่องจากผมชอบความเป็นอิสระมาก ไปเที่ยวทั้งทีจะให้คนอื่นๆมาตีกรอบทำไม... ซึ่งงบประมาณทั้งหมดที่จ่ายไป 30,000 กว่าบาท ผมไม่แน่ใจว่าแพงไปหรือเปล่าสำหรับการท่องเที่ยวภายใน 5 วัน (23-27 กพ. 60)
ขั้นตอนการเตรียมตัวของผม เริ่มจาก
1 จองตั๋วเครื่องบินช่วงโปรโมชั่นของ AirAsia X (จองข้ามปีน่ะครับ ผมจองเมื่อ กพ.59 แต่เดินทาง กพ.60)
2 วางแผนไว้ว่าจะไป Nara > Kyoto > Kobe > Osaka (มีเวลาทำแผน 1 ปีเต็มๆเลยครับ)
3 จองโรงแรมกับทาง Agoda ผมจองไว้ด้วยกัน 2 ที่ครับ Kyoto 2 คืน Osaka 2 คืน
4 ทำ Passport / แลกเงินเยน / ซื้อ sim มือถือสำหรับใช้งานที่ญี่ปุ่น ผมใช้ของ eb-sim
และต้องขอขอบคุณ Tanasak Mukura มากครับที่ช่วยอธิบายขั้นตอนที่สนามบินทั้งขาไปและขากลับว่าจะต้องไปที่ไหน ทำอย่างไร ทำยังไง เป็นประโยชน์มากครับ
-
http://www.mu-ku-ra.com/2016/02/1-airasia-x-kansai.html
-
http://www.mu-ku-ra.com/2016/02/24-airasia-x.html
ขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่าทริปนี้ไม่เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่มีผู้สูงอายุ หรือเด็กไปด้วย และผมจะอธิบายข้อมูลที่น่าสนใจ จะไม่ลงลึกทุกรายละเอียดในการท่องเที่ยวน่ะครับว่าจะต้องขึ้นสถานีไหน เดินไปทางไหน ซึ่งผมก็ใช้ Google Map และ hyperdia ในการนำเส้นทางครับ
ผมเริ่มออกเดินทางวันที่ 22 กพ. มาถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 11.00 เตรียมเช็คอินครับเพราะเครื่องออก 14.15 ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงในการเดินทางสู่ Kansai Airport ซึ่งเวลาที่ญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 21.40 ครับ (เร็วกว่าไทย 2 ชม.) หลังจากผ่าน ต ม และ รับกระเป๋าเสร็จ ปาไปเกือบห้าทุ่ม

โดยในคืนนี้เราเตรียมตัวกันแล้วครับว่าจะนอนที่สนามบิน อดทนเอาหน่อยไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว (แต่เอาเข้าจริงๆแทบจะไม่ได้นอนครับ เพราะตอนที่อยู่บนเครื่องผมนอนหลับตลอดทาง)
เริ่มเดินทางวันแรก 23 กพ. Kansai Airport >> Nara
บัตรที่ใช้สำหรับวันนี้คือ JR Kansai Area Pass บัตรเดียว ขึ้นรถไฟท่องเที่ยวได้ทั้งวันครับ ราคาอยู่ที่ 2,300 เยน ซื้อที่ JR Office สนามบินคันไซ โดยบัตรนี้สามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR HARUKA จากสนามบิน ไปยังสถานีเกียวโตได้เลยครับ และยังสามารถใช้บัตรนี้นั่งรถไฟของ JR ไปยังเมืองต่างๆในแถบคันไซได้หมดครับ ยกเว้นรถไฟชินคันเซ็น ถือว่าเป็นบัตรที่คุ้มราคามากครับๆ เนื่องจากผมได้ลองตรวจสอบดูใน
http://www.hyperdia.com/en/ ถ้าสมมุติซื้อบัตรเป็นเที่ยวๆเช่น จากสนามบิน ไปยังสถานีเกียวโต ก็ปาไป 1,880 เยนแล้วครับ
กวางน้อย สัญลักษณ์ประจำจังหวัดนารา มันน่ารักมั้ยล่ะครับ Kiss Me


อาหารเที่ยงที่ร้านSHIZUKA เปิด 11.00 ขนาดร้านยังไม่เปิดมีคนมายืนต่อแถวกันแล้วครับ แต่รับรองครับว่าอร่อยจริง

ในตอนเย็นนั่งรถไฟจาก นารา กลับไปยัง เกียวโต ซึ่งผมได้จองที่พักไว้กับ Schmied Nishinotoin - Guesthouse in Kyoto เจ้าหน้าที่จะอยู่ประจำการในเวลา 09.00 – 17.00 ซึ่งถ้าเราไปเช็คอินหลังเวลา 17.00 จะเป็นการเช็คอินด้วยตัวเองครับ คือจะมีกุญแจอยู่ใน Locker ซึ่งรหัสเปิด Locker ทางเจ้าของจะส่งมาที่ Email ของเรา ที่ใช้ในการจองที่พัก ซึ่งสามารถหยิบกุญแจนั้นไปเปิดประตูห้องได้เลย ที่พักดีมากๆ ราคาไม่แพงครับ แบ่งเป็นโซนห้องน้ำ ห้องนอน ห้องครัวได้อย่างชัดเจน ห้องสะอาด มีคอมฯ เครื่องซักผ้า เตาทำอาหาร ไมโครเวฟ บลาๆ อยู่ในห้องส่วนตัวอย่างครบครันมากครับ แถมมีผงซักฟอกไว้ให้ซักผ้าด้วย บรรยากาศเงียบสงบและใกล้เซเว่น แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้

วันที่ 24 กพ. Kyoto
บัตร pass ที่ใช้ในวันนี้ไม่มีครับ เนื่องจากการเดินทางในวันนี้ ผมคำนวณดูแล้วว่าซื้อเป็นเที่ยวๆถูกกว่าเพราะเดินทางหลักๆเพียงแค่ 3 ที่ ก็กินเวลาเกือบทั้งวันแล้วครับ วัดแรกที่ไปคือวัด KIYOMIZUDERA หรือวัดน้ำใส

แต่น่าเสียดาย ช่วงที่ผมไปทางวัดได้ทำการซ่อมแซมตัวอาคารหลักของวัด
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เวลาเดินไปตามทางที่มีเสาโทริอิเรียงกันอยู่เป็นจำนวนมาก พอถึงจุดๆนึงผมไม่แน่ใจว่าเดินมาผิดทางหรือเปล่า มันจะมีป้ายบอกทางให้ขึ้นไปยังจุดสูงสุดของศาลเจ้าแห่งนี้ จุดๆนี้คือทางที่ผมเดินไปครับ น่ากลัวเลยทีเดียวเพราะไม่เห็นมีใครเดินกันมาสักคน ลำบากมากครับในการเดินขึ้นภูเขาซึ่งเป็นพื้นดินสลับกับแท่นปูนแท่นไม้เก่าๆที่วางเป็นขั้นบันได เหมือนไม่มีใครมาทำความสะอาดทางเดินเป็นเวลาหลายปี แต่สนุกดีครับเหมือนเดินทางไกลตอนเข้าค่ายลูกเสือในสมัยเด็กๆที่จะต้องเดินขึ้นเขาเข้าไปในป่า

ซึ่งเมื่อผมเดินขึ้นไปถึงข้างบนจุดสูงสุดของศาลเจ้าแห่งนี้แล้ว...จะมีเทพเจ้าจิ้งจองอยู่ข้างบนเยอะมากครับ
ผมมองไปรอบๆ เหลือบไปเห็นอีกฝั่งนึงซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับผมที่เดินขึ้นเขามา ซึ่งในตอนนั้นผมเห็นคนเดินขึ้นบันไดที่ฉาบด้วยแท่นปูนอย่างดีและมีเสาโทริอิเรียงกันอย่างสวยงามตามทางเดิน อ้าวเห้ยยย...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นี่กุขึ้นมาผิดทางเหรอว่ะเนี่ย 5555+

จุดชมวิวระหว่างทางลงครับ


ในช่วงเย็นเดินทางต่อไปยัง ARASHIYAMA


อาหารในมื้อเย็น ที่ร้าน ARASHIYAMA UDON OTSURU แผ่นสีขาวๆที่อยู่ในอูด้งเป็นเยื่อไผ่ครับ

ซึ่งขากลับเมื่อมาถึงสถานีรถไฟเกียวโต เป็นคืนสุดท้ายที่ได้อยู่เกียวโต ผมเริ่มเดินสำรวจขึ้นไปตามบันไดที่ประดับลูกเล่นด้วยหลอดไฟ LED

เมื่อถึงข้างบนก็เป็นจุดชมวิวอีกแล้วครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เชดดดด เมืองเกียวโตยามค่ำคืน สวยมากกก
วันที่ 25 กพ. Kyoto >> Kobe
หลังจากตื่นนอน เช็คเอ้าท์ออกจากที่พักเพื่อเดินทางต่อไปยัง Osaka โดยที่พักผมอยู่ในย่าน Umeda เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมและนั่งรถไฟต่อไปยังโกเบ โดยการเดินทางในวันนี้ใช้บัตร Arima Onsen Taikou-no-yu Package Tickets (Hankyu Ver.) ซึ่งเป็นบัตรที่รวมค่าเข้าออนเซ็นที่ Taikou-no-yu และรวมไปถึงการใช้นั่งรถไฟของ Hankyu จากเกียวโตไปโกเบได้เลยครับ นับว่าเป็นบัตรที่ดีอีกแล้ว บัตรเดียวเที่ยวทั้งวัน ราคาอยู่ที่ 2,770 เยนครับ ผมซื้อที่ สถานีKAWARAMACHI ใกล้ๆกับย่าน GION ที่เกียวโตครับ

สิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึงโกเบ นั่นก็คือการแช่ออนเซ็นที่ TAIKOUNOYU ข้างในติดป้ายไว้ไม่ให้ถ่ายรูปน่ะครับเพราะเพื่อนๆคงจะทราบกันดีว่าการแช่ออนเซ็นนั้น มันต้องปลดทุกสิ่งอย่างออกจากร่างกาย เมือง ARIMAONSEN เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆครับ

จากนั้นเดินทางขึ้นภูเขา Rokko ด้วย ROKKO CABLE CAR และต่อรถบัสอีกทีนึง โดยผมซื้อบัตร Omote Rokko Shuyu Ticket ราคา 1,350 เยน ซึ่งบัตรนี้ใช้ขึ้น-ลง ROKKO CABLE CAR และรวมไปถึงรถบัสที่วิ่งอยู่ด้านบนได้ตลอดทั้งวัน

วิวด้านบนภูเขาครับ Rokko Garden Terrace จริงๆผมอยากจะรอให้ถึงค่ำๆน่ะเพื่อดูวิวที่เค้าว่ากันว่าติดอันดับ 1 ใน 5 ที่เป็นวิวที่สวยที่สุดในตอนกลางคืนของญี่ปุ่น แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เย็นมากจนทนไม่ไหวเลยต้องลงมาก่อนครับ

อาหารมื้อค่ำเป็นแนวบุฟเฟ่ต์ครับที่ร้าน FISHERMAN’S MARKET


หลังจากนั้นนั่งรถไฟกลับสู่ Umeda ในคืนนี้ผมจองโรงแรมไว้ที่ HOTEL KINKI (ไม่มีภาพถ่ายน่ะครับ ผมลืมถ่ายภาพห้องพักอีกแล้ว) เจ้าหน้าที่บริการตลอด 24 ชม. เป็นห้องพักขนาดไม่ใหญ่มากห้องน้ำในตัว มีตู้เย็น ทีวี แต่จะไม่มีเครื่องซักผ้า เตาทำอาหาร ไมโครเวฟ อยู่ในห้องพัก ผมชอบที่พักของ Schmied Nishinotoin - Guesthouse in Kyoto มากกว่า แต่ข้อดีของโรมแรมแห่งนี้ที่เป็นข้อหลักเลยคือติดกับ ย่านช้อปปิ้ง ย่านกิน ใกล้ๆกับแฟมมิลี่มาร์ทและตึกดองกิโฮเต้/HepFive/ตึกUNIQLO ผมว่าเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความครึกครื้นยามค่ำคืนของย่าน Umeda เป็นอย่างมากครับ

วันที่ 26 กพ. Osaka
ส่วนใหญ่ที่โอซาก้าจะเน้นไปทางช้อปปิ้งมากกว่าครับ ทั้งช่วงเช้าและเย็น บัตร pass ไม่ใช้ครับ ซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ ในช่วงเช้าจะช้อปอยู่ในย่าน Umeda ส่วนช่วงเย็นที่ย่าน Dotonbori ครับ ผมไม่ค่อยได้ถ่ายภาพครับด้วยเหตุที่ กล้องถ่ายภาพแบตหมด ผมลืมไปว่าหัวเสียบที่ชาร์จแบตกล้องของผมเป็นหัวกลม แต่เต้ารับของญี่ปุ่นเป็นหัวแบน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จบเลยทีนี้กล้องกุ ทาโกยากิร้านดังในย่านนี้ครับ ร้าน ATCHICHI HONPO ติดกับราเมงข้อสอบ

วันที่ 27 กพ. Osaka >> Kansai Airport
บัตรที่ใช้ในวันนี้คือ Osaka Kaiyu Ticket (Nankai Railway Version) บัตรนี้สามารถใช้ผ่านประตูเพื่อเข้าไปยัง OSAKA AQUARIUM KAIYUKAN และยังสามารถใช้เดินทางรถไฟใต้ดินทุกสีของเมือง Osaka และที่สำคัญใช้นั่งรถไฟจาก NAMBA ไปยัง Kansai Airport ได้อีกด้วยครับ บัตรเดียวเที่ยวทั้งวันอีกแล้ว.. ราคาอยู่ที่ 3,010 เยน ซื้อที่สถานี NAMBA(NANKAI) ต้องดูดีๆน่ะครับบัตร Osaka Kaiyu Ticket นี้มีหลายเวอร์ชั่นมาก

Woww!! ฉลามวาฬ


ปิดท้ายด้วยค่าใช้จ่ายครับ ผมแลกเงินเยนมา 50,000 เยน ยอดสีแดงคือยอดที่ผมใช้จ่ายในแต่ละวันครับ จำพวกบัตรรถไฟ ค่ากินต่างๆ ค่าเข้าตามสถานที่ต่างๆ ส่วนที่เหลือเป็นเงินช้อปปิ้ง/ของกินนอกแผน ^^


เที่ยว Kansai 2017
ขั้นตอนการเตรียมตัวของผม เริ่มจาก
1 จองตั๋วเครื่องบินช่วงโปรโมชั่นของ AirAsia X (จองข้ามปีน่ะครับ ผมจองเมื่อ กพ.59 แต่เดินทาง กพ.60)
2 วางแผนไว้ว่าจะไป Nara > Kyoto > Kobe > Osaka (มีเวลาทำแผน 1 ปีเต็มๆเลยครับ)
3 จองโรงแรมกับทาง Agoda ผมจองไว้ด้วยกัน 2 ที่ครับ Kyoto 2 คืน Osaka 2 คืน
4 ทำ Passport / แลกเงินเยน / ซื้อ sim มือถือสำหรับใช้งานที่ญี่ปุ่น ผมใช้ของ eb-sim
และต้องขอขอบคุณ Tanasak Mukura มากครับที่ช่วยอธิบายขั้นตอนที่สนามบินทั้งขาไปและขากลับว่าจะต้องไปที่ไหน ทำอย่างไร ทำยังไง เป็นประโยชน์มากครับ
- http://www.mu-ku-ra.com/2016/02/1-airasia-x-kansai.html
- http://www.mu-ku-ra.com/2016/02/24-airasia-x.html
ขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่าทริปนี้ไม่เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่มีผู้สูงอายุ หรือเด็กไปด้วย และผมจะอธิบายข้อมูลที่น่าสนใจ จะไม่ลงลึกทุกรายละเอียดในการท่องเที่ยวน่ะครับว่าจะต้องขึ้นสถานีไหน เดินไปทางไหน ซึ่งผมก็ใช้ Google Map และ hyperdia ในการนำเส้นทางครับ
ผมเริ่มออกเดินทางวันที่ 22 กพ. มาถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 11.00 เตรียมเช็คอินครับเพราะเครื่องออก 14.15 ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงในการเดินทางสู่ Kansai Airport ซึ่งเวลาที่ญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 21.40 ครับ (เร็วกว่าไทย 2 ชม.) หลังจากผ่าน ต ม และ รับกระเป๋าเสร็จ ปาไปเกือบห้าทุ่ม
เริ่มเดินทางวันแรก 23 กพ. Kansai Airport >> Nara
บัตรที่ใช้สำหรับวันนี้คือ JR Kansai Area Pass บัตรเดียว ขึ้นรถไฟท่องเที่ยวได้ทั้งวันครับ ราคาอยู่ที่ 2,300 เยน ซื้อที่ JR Office สนามบินคันไซ โดยบัตรนี้สามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR HARUKA จากสนามบิน ไปยังสถานีเกียวโตได้เลยครับ และยังสามารถใช้บัตรนี้นั่งรถไฟของ JR ไปยังเมืองต่างๆในแถบคันไซได้หมดครับ ยกเว้นรถไฟชินคันเซ็น ถือว่าเป็นบัตรที่คุ้มราคามากครับๆ เนื่องจากผมได้ลองตรวจสอบดูใน http://www.hyperdia.com/en/ ถ้าสมมุติซื้อบัตรเป็นเที่ยวๆเช่น จากสนามบิน ไปยังสถานีเกียวโต ก็ปาไป 1,880 เยนแล้วครับ
กวางน้อย สัญลักษณ์ประจำจังหวัดนารา มันน่ารักมั้ยล่ะครับ Kiss Me
วันที่ 24 กพ. Kyoto
บัตร pass ที่ใช้ในวันนี้ไม่มีครับ เนื่องจากการเดินทางในวันนี้ ผมคำนวณดูแล้วว่าซื้อเป็นเที่ยวๆถูกกว่าเพราะเดินทางหลักๆเพียงแค่ 3 ที่ ก็กินเวลาเกือบทั้งวันแล้วครับ วัดแรกที่ไปคือวัด KIYOMIZUDERA หรือวัดน้ำใส
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เวลาเดินไปตามทางที่มีเสาโทริอิเรียงกันอยู่เป็นจำนวนมาก พอถึงจุดๆนึงผมไม่แน่ใจว่าเดินมาผิดทางหรือเปล่า มันจะมีป้ายบอกทางให้ขึ้นไปยังจุดสูงสุดของศาลเจ้าแห่งนี้ จุดๆนี้คือทางที่ผมเดินไปครับ น่ากลัวเลยทีเดียวเพราะไม่เห็นมีใครเดินกันมาสักคน ลำบากมากครับในการเดินขึ้นภูเขาซึ่งเป็นพื้นดินสลับกับแท่นปูนแท่นไม้เก่าๆที่วางเป็นขั้นบันได เหมือนไม่มีใครมาทำความสะอาดทางเดินเป็นเวลาหลายปี แต่สนุกดีครับเหมือนเดินทางไกลตอนเข้าค่ายลูกเสือในสมัยเด็กๆที่จะต้องเดินขึ้นเขาเข้าไปในป่า
ผมมองไปรอบๆ เหลือบไปเห็นอีกฝั่งนึงซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับผมที่เดินขึ้นเขามา ซึ่งในตอนนั้นผมเห็นคนเดินขึ้นบันไดที่ฉาบด้วยแท่นปูนอย่างดีและมีเสาโทริอิเรียงกันอย่างสวยงามตามทางเดิน อ้าวเห้ยยย... [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันที่ 25 กพ. Kyoto >> Kobe
หลังจากตื่นนอน เช็คเอ้าท์ออกจากที่พักเพื่อเดินทางต่อไปยัง Osaka โดยที่พักผมอยู่ในย่าน Umeda เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมและนั่งรถไฟต่อไปยังโกเบ โดยการเดินทางในวันนี้ใช้บัตร Arima Onsen Taikou-no-yu Package Tickets (Hankyu Ver.) ซึ่งเป็นบัตรที่รวมค่าเข้าออนเซ็นที่ Taikou-no-yu และรวมไปถึงการใช้นั่งรถไฟของ Hankyu จากเกียวโตไปโกเบได้เลยครับ นับว่าเป็นบัตรที่ดีอีกแล้ว บัตรเดียวเที่ยวทั้งวัน ราคาอยู่ที่ 2,770 เยนครับ ผมซื้อที่ สถานีKAWARAMACHI ใกล้ๆกับย่าน GION ที่เกียวโตครับ
วันที่ 26 กพ. Osaka
ส่วนใหญ่ที่โอซาก้าจะเน้นไปทางช้อปปิ้งมากกว่าครับ ทั้งช่วงเช้าและเย็น บัตร pass ไม่ใช้ครับ ซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ ในช่วงเช้าจะช้อปอยู่ในย่าน Umeda ส่วนช่วงเย็นที่ย่าน Dotonbori ครับ ผมไม่ค่อยได้ถ่ายภาพครับด้วยเหตุที่ กล้องถ่ายภาพแบตหมด ผมลืมไปว่าหัวเสียบที่ชาร์จแบตกล้องของผมเป็นหัวกลม แต่เต้ารับของญี่ปุ่นเป็นหัวแบน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ทาโกยากิร้านดังในย่านนี้ครับ ร้าน ATCHICHI HONPO ติดกับราเมงข้อสอบ
วันที่ 27 กพ. Osaka >> Kansai Airport
บัตรที่ใช้ในวันนี้คือ Osaka Kaiyu Ticket (Nankai Railway Version) บัตรนี้สามารถใช้ผ่านประตูเพื่อเข้าไปยัง OSAKA AQUARIUM KAIYUKAN และยังสามารถใช้เดินทางรถไฟใต้ดินทุกสีของเมือง Osaka และที่สำคัญใช้นั่งรถไฟจาก NAMBA ไปยัง Kansai Airport ได้อีกด้วยครับ บัตรเดียวเที่ยวทั้งวันอีกแล้ว.. ราคาอยู่ที่ 3,010 เยน ซื้อที่สถานี NAMBA(NANKAI) ต้องดูดีๆน่ะครับบัตร Osaka Kaiyu Ticket นี้มีหลายเวอร์ชั่นมาก